การตรวจติดตามคุณภาพภายใน (Internal Quality Audit) การตรวจติดตามคุณภาพภายในเป็นเครื่องมืออันหนึ่งในระบบคุณภาพที่ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร กำจัดสิ่งที่เป็นจุดอ่อนและปัญหาที่สาเหตุ และใช้เป็นแนวทางในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
ความหมายของการตรวจติดตามคุณภาพ (Quality Audit)
ตามมาตรฐาน ISO 19011 กล่าวว่า การตรวจติดตามคุณภาพ หมายถึง “กระบวนการซึ่งเป็นระบบ เป็นอิสระ และจัดทำเป็นเอกสารเพื่อแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมต่าง ๆ ในระบบคุณภาพมีผลลัพธ์สอดคล้องกับแผนหรือเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และถูกนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล เหมาะสม และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร”
ระบบการตรวจติดตามคุณภาพ (Audit System) โดยทั่วไปเราแบ่งประเภทของการตรวจติดตาม (Audit) เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นคือ
1. การตรวจติดตามภายใน (Internal Audit หรือ First Party Audit)
2. การตรวจติดตามโดยลูกค้า (Second Party Audit)
3. การตรวจติดตามโดยบุคคลที่ 3 หรือหน่วยงานให้การรับรอง (Third Party Audit)
ผลกระทบของการตรวจติดตาม
1. การตรวจติดตามภายใน (Internal of First Party Audit) หมายถึง การตรวจติดตามที่ผู้ตรวจ (Auditor) เป็นบุคลากรขององค์กรเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฝ่ายบริหารทราบว่ากิจกรรมต่าง ๆ ในระบบคุณภาพที่จัดสร้างขึ้นมาถูกนำไปปฏิบัติอย่างสอดคล้องตามข้อกำหนดของ ISO 9001 : 2000 และช่วยให้มีโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง
2. การตรวจติดตามโดยองค์กรของลูกค้า (Second Party Audit) หมายถึง การตรวจติดตามโดยลูกค้าของเรา หรือองค์กรที่กำลังจะกลายมาเป็นลูกค้าของเรา ซึ่งการตรวจติดตามลักษณะนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้ในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั่นเอง
3. การตรวจติดตามโดยองค์กรผู้ให้การรับรอง (Third Party Audit) หมายถึงการตรวจติดตามโดยองค์กรภายนอก (ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร) ซึ่งจะมาตรวจระบบคุณภาพขององค์กรว่าสอดคล้องตามข้อกำหนดของ ISO 90001 : 2000 หรือไม่ ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจโดย Certification Body : CB การตรวจติดตามประเภทนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้การรับรองกับองค์กรว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด ISO 9001 : 2000 ซึ่งจะทำให้ลูกค้าขององค์กรมั่นใจได้ว่ากระบวนการตลอดจนสินค้าและบริการขององค์กรมีคุณภาพ โดยลูกค้าไม่ต้องตรวจติดตามด้วยตนเอง สามารถลดความจำเป็นในการตรวจติดตามโดยลูกค้า (Second Party Audit) ซึ่งต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
คุณสมบัติของผู้ตรวจติดตาม (Auditor Quality)Auditor คือผู้มีคุณสมบัติที่จะตรวจติดตามระบบคุณภาพได้นั่นเอง แล้ว คุณสมบัติที่ว่านี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง สรุปได้ดังนี้
1. คุณสมบัติทั่วไป คือ
· มีความรู้เรื่องที่จะตรวจติดตามและผ่านการอบรมเรื่องการตรวจประเมิน
· รักษาความลับขององค์กร
· เป็นอิสระจากองค์กร / หน่วยงานที่ถูกตรวจ
2. คุณสมบัติส่วนบุคคล คือ
· มีมนุษยสัมพันธ์
· มีทักษะในการสื่อสาร
· มีทักษะในการจัดการ
· มีทักษะในการนำเสนอข้อมูล
· เปิดใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็น
3. ต้องมีความรู้ (Knowledge) คือ
· เข้าใจระบบงานที่จะไปทำการตรวจเป็นอย่างดี
· เข้าใจข้อกำหนด ISO 9001 : 2000
· เข้าใจ 8 หลักการบริหารคุณภาพ ( 8 Quality Principle)
4. ต้องมีทักษะในการประเมิน คือ
· สามารถใช้เทคนิคในการตั้งคำถามเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง
· สามารถสุ่มตรวจติดตามได้อย่างเป็นระบบ
· สามารถประเมินได้ว่าสิ่งใดไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด ISO (Non Conforming : NC) สิ่งใดเป็นข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา (Suggestion)
· สามารถเก็บรวบรวมบันทึกรวมถึงหลักฐานต่าง ๆ จากการตรวจติดตามเพื่อใช้ตัดสินใจเกี่ยวกับความสอดคล้องตามข้อกำหนด ISO 9001 : 2000
5. ต้องมีความสามารถในการเตรียมการตรวจติดตาม คือ
· สามารถจัดทำกำหนดการตรวจติดตาม (Audit Schedule) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
· สามารถคัดเลือกทีมผู้ตรวจติดตาม (Auditor Team) อย่างเหมาะสม
· สามารถจัดทำ Audit Checklist ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ต้องสามารถเป็นผู้นำการประชุม คือ
· สามารถดำเนินการประชุมเปิด (Opening Meeting) การตรวจติดตาม
· สามารถดำเนินการประชุมเปิด (Closing Meeting) การตรวจติดตาม
7. ต้องสามารถรายงานผลการตรวจติดตามได้อย่างแม่นยำ คือ
· สามารถรายงานสิ่งที่สอดคล้องและไม่สอดคล้องตามข้อกำหนดอย่างถูกต้อง
· สามารถเสนอแนะถึงโอกาสในการปรับปรุงให้แก่องค์กร
· สามารถตัดสินแนวทางการแก้ไขปัญหา (Corrective / Preventive Action) ของผู้ถูกตรวจ
หัวหน้าคณะผู้ตรวจติดตาม (Lead Auditor)
เป็นไปได้ว่าในระหว่างการตรวจติดตามแต่ละครั้งจะเกิดปัญหา หรือ ความคิดเห็นที่ไม่ตรงการระหว่างผู้ตรวจติดตาม กับ ผู้ตรวจติดตามด้วยกัน หรือ ผู้ตรวจติดตามกับผู้ถูกตรวจ จึงต้องมีบุคคลหนึ่งคอยจัดการให้การตรวจติดตามคุณภาพสามารถดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ บุคคลนั้นเราเรียกว่า หัวหน้าคณะผู้ตรวจติดตาม (Lead Auditor) หน้าที่ของหัวหน้าคณะผู้ตรวจติดตาม สรุปได้ดังนี้
1. เป็นผู้นำและจัดการให้คณะผู้ตรวจติดตามทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. จัดการกับข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างการตรวจติดตาม
3. ตัดสินใจเกี่ยวกับข้อขัดแย้งต่าง ๆ ระหว่างการตรวจติดตาม
4. ควบคุมเวลาและการตรวจติดตามให้ครบตามแผนที่กำหนดไว้