ข่าวสาร

| วันอังคาร, 01 ตุลาคม 2567 |
Written by 

Cybersecurity สำหรับธุรกิจ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์

 

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและข้อมูลกลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ไม่ใช่เพียงแค่การป้องกันทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่ผู้บริหารทุกคนต้องเข้าใจและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การละเลยความเสี่ยงทางไซเบอร์สามารถนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และการปฏิบัติตามกฎหมาย ในบทความนี้ เราจะเน้นถึงสิ่งที่ผู้บริหารควรตระหนักเกี่ยวกับ **Cybersecurity** พร้อมกับการคาดการณ์ความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจเผชิญ

ทำไม Cybersecurity จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารต้องให้ความสนใจ?

1.การปกป้องสินทรัพย์ทางดิจิทัล   ข้อมูลและระบบดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า ข้อมูลทางการเงิน หรือข้อมูลลับทางธุรกิจ ผู้บริหารต้องเข้าใจว่า การปกป้องข้อมูลเหล่านี้จากการโจมตี เช่น การโจมตีแบบ ransomware, phishing, หรือการขโมยข้อมูล เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่ข้อมูลถูกขโมยหรือทำลายไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน แต่ยังอาจส่งผลให้ธุรกิจต้องสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

2.ผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของลูกค้า ลูกค้าในปัจจุบันมีความตระหนักถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น และหากธุรกิจไม่สามารถปกป้องข้อมูลลูกค้าได้ดีเพียงพอ อาจนำไปสู่การสูญเสียความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ ซึ่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอาจใช้เวลานานในการฟื้นฟู ส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียลูกค้าและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ

3.การปฏิบัติตามกฎหมาย  การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านความปลอดภัยข้อมูล เช่น “PDPA” (ประเทศไทย) หรือ “GDPR” (ยุโรป) อาจทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับค่าปรับสูงและการฟ้องร้องทางกฎหมาย ความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ไม่ควรถูกมองข้าม เนื่องจากการลงโทษสามารถส่งผลกระทบทางการเงินและทางกฎหมายต่อผู้บริหารโดยตรง

การคาดการณ์ความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่ธุรกิจอาจเผชิญ

  1. ความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ Phishing การโจมตีแบบ phishing ยังคงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่แพร่หลายที่สุด ผู้บริหารต้องตระหนักว่าอีเมลและข้อความที่ดูเหมือนมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อาจเป็นการพยายามล้วงข้อมูลหรือการเข้าถึงระบบที่สำคัญ หากพนักงานตกเป็นเหยื่อ ธุรกิจอาจต้องเผชิญกับการสูญเสียข้อมูลสำคัญการคาดการณ์ ในอนาคตอันใกล้ การโจมตีแบบ phishing จะมีความซับซ้อนมากขึ้น และแฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคที่ทันสมัยมากขึ้นเพื่อหลอกลวงพนักงานในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงผู้บริหารระดับสูง

  2. ความเสี่ยงจาก Ransomware ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ไม่มีมาตรการสำรองข้อมูลอย่างเพียงพอ การโจมตี ransomware สามารถทำให้ข้อมูลและระบบสำคัญถูกล็อค และผู้โจมตีจะเรียกร้องค่าไถ่เพื่อคืนข้อมูล การคาดการณ์  การโจมตีแบบ ransomware มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าหมายไปยังองค์กรขนาดกลางและเล็กซึ่งอาจมีการป้องกันที่ไม่เพียงพอ นอกจากนี้การเรียกค่าไถ่ในจำนวนที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

  3. ความเสี่ยงจากการโจมตี Zero-Day การโจมตี Zero-Day หมายถึงการโจมตีที่เกิดขึ้นจากช่องโหว่ที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบหรือยังไม่มีการแก้ไข ผู้โจมตีมักใช้ช่องโหว่เหล่านี้เพื่อเข้าถึงระบบก่อนที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถออกแพตช์แก้ไข การคาดการณ์ จำนวนการโจมตี Zero-Day จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากองค์กรต่าง ๆ มีการใช้งานซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ดิจิทัลที่ซับซ้อนมากขึ้น ผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับการอัพเดตและตรวจสอบระบบเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยง
  1. ความเสี่ยงจาก IoT (Internet of Things) การใช้อุปกรณ์ IoT ในองค์กรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น กล้องวงจรปิดหรืออุปกรณ์สำนักงานอัจฉริยะ ความเสี่ยงเกิดขึ้นเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้รับการป้องกันที่ดีพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงเครือข่ายขององค์กรผ่านอุปกรณ์ IoT เหล่านี้ การคาดการณ์ การโจมตีผ่านอุปกรณ์ IoT จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันในเครือข่ายธุรกิจเพิ่มขึ้น ผู้บริหารควรพิจารณาลงทุนในระบบป้องกันและตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด

  2. ความเสี่ยงจากบุคคลภายใน (Insider Threat)  พนักงานที่ไม่พึงพอใจหรือได้รับการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญมากเกินไปอาจกลายเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญ การกระทำเหล่านี้อาจเกิดจากความประมาท ความไม่รู้ หรือแม้แต่การจงใจขโมยข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การคาดการณ์ ความเสี่ยงจากบุคคลภายในจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พนักงานได้รับสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่จำเป็น ผู้บริหารควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมการเข้าถึงและการตรวจสอบกิจกรรมภายในองค์กร

 

ผลกระทบหากผู้บริหารไม่ตระหนักถึง Cybersecurity

1.ความเสียหายทางการเงิน  การถูกโจมตีทางไซเบอร์สามารถสร้างความเสียหายทางการเงินอย่างมหาศาล การหยุดชะงักของการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูระบบและข้อมูลอาจทำให้ธุรกิจขาดทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ หากข้อมูลลูกค้าถูกขโมย อาจส่งผลให้ถูกปรับตามกฎหมาย PDPA หรือ GDPR

2.การสูญเสียชื่อเสียง  หากธุรกิจไม่สามารถปกป้องข้อมูลของลูกค้าและคู่ค้าได้ ชื่อเสียงของธุรกิจจะเสียหายอย่างรุนแรง ความไว้วางใจจากลูกค้าจะลดลง ซึ่งส่งผลต่อยอดขายและการดำเนินงานในระยะยาว

3.การถูกลงโทษตามกฎหมาย ธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น PDPA หรือ GDPR อาจถูกลงโทษโดยค่าปรับที่สูงหรือถูกฟ้องร้องทางกฎหมาย

การจัดการความเสี่ยงที่ผู้บริหารควรพิจารณา

การวางแผนจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์ ผู้บริหารควรจัดทำแผนจัดการความเสี่ยงทางไซเบอร์เพื่อระบุและประเมินภัยคุกคาม และวางมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เช่น การลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากร

การฝึกอบรมพนักงาน  การให้ความรู้และฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์จะช่วยลดความเสี่ยงจากการกระทำที่ไม่ปลอดภัย

การลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัย  ผู้บริหารควรพิจารณาการลงทุนในเทคโนโลยีป้องกัน เช่น ระบบตรวจจับการโจมตี (IDS), ระบบไฟร์วอลล์ที่มีประสิทธิ

Last modified on วันอังคาร, 01 ตุลาคม 2567